ธรรมปัญญาสมเด็จโต - ๔. บทกลอนสุภาษิตสอนศิษย์

ธรรมปัญญาสมเด็จโต - ๔. บทกลอนสุภาษิตสอนศิษย์

สุภาษิตสอนศิษย์นี้ เล่ากันมาว่าสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) วัดระฆังโฆสิตารามเป็นผู้แต่งเนื้อความในสุภาษิตนั้น กล่าวถึงวิถีชีวิตของชาวบ้านในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นเมื่อราว ๑๕๐ ปีมาแล้ว ดังนั้นด้วยการกระทําของพวกมิจฉาชีพที่มีอยู่ในยุคนั้น สมเด็จโตจึงแต่งขึ้นเพื่อเป็นตัวอย่างสําหรับสอนลูกศิษย์และคนทั่วไปให้รู้ทันคน เป็นการป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพดังกล่าว

สุภาษิตสอนศิษย์นี้น่าจะมีการพิมพ์เผยแพร่มามากกว่า ๖๐ - ๗๐ ปี แล้ว ประเด็นสําคัญคือไม่มีอะไรเป็นหลักฐานยืนยันว่าสมเด็จโต ได้แต่งขึ้นเอง หากสมเด็จแต่งสุภาษิตได้เช่นนี้แล้ว ก็น่าจะมีสุภาษิตอื่นๆ ตามมา

ตัวอย่างกลอนสุภาษิตสอนศิษย์ บางบท

บทต้น

ปป
     จงฟังคําจําไว้ให้เป็นนิจ
อันสัญชาตินักเลงมิใช่ชั่ว
ทนสบถปดไปไม่แน่นอน
ทําปรานีที่รักนี่หนักหนา
เรียกพ่อพ่อลวงล่อให้หลงลน              
     จะกล่าวกลอนสอนสูทุกหมู่ศิษย์
อุตส่าห์คิดข้อความไปตามกลอน
แต่ล้วนตัวปลิ้นปลอกทั้งหลอกหลอน
ทํายอกย้อนแยบคายเป็นหลายกล
กล่าววาจาป้อยอต่อนุสนธ์
แต่พอจนมันก็ช้ำจนสิ้นตัว
     ชาตินักเลงแล้วก็เหลืออย่าเชื่อเลย
ลางคนซื่อถือว่าเป็นพวกเพื่อน
ทําหน้าจนต้องจําระยําพอ
บ้างวางโขลงโยงคลอพอเข้าบ่อน
แล้วแทงก่อนผ่อนส่งจนเต็มมือ
เอาปี้เราที่เจ้าถือนั้นแทงเถิด
ถึงเสียเล่าก็ไม่เอาให้เข้าใช้
ที่เสียเล่าก็ไม่เอาเหมือนปากว่า
เห็นพอควรแล้วก็ชวนให้นั่งลง
อีกอย่างหนึ่งพึ่งรู้เป็นครูไว้
เห็นผู้ที่มีทรัพย์ทํากราบกราน
ขอตั้งบ่อนลงได้ดังใจนึก
ทําพูดจาพาที่ให้งวยงง
ทําอุบายแยบคายเป็นหลายท่า
ให้เจ้าบ้านเสียทรัพย์จนอับจน
เป็นคนเคยพูดจามารยายอ
มันกลับเชือนเอาไปบาทเสียอ้อต้อ
เพราะเชื่อพ่อหรือมิใช่อ้ายเจ็กอื้อ
เอาปี้ผ่อนส่งไว้ให้ช่วยถือ
ทําหารือว่าจะแทงก็ตามใจ
ถ้าถั่วเกิดแล้วก็ตามอัชฌาสัย
อย่าตกใจเลยนะเจ้าจงแทงลง
ที่ได้มาเล่าก็ให้ให้ใจหลง
แล้วยุส่งให้เข้าทําจนเกินการ
มันเที่ยวไปทั้งบ่อนตําบลบ้าน
เอาคาวหวานเข้าไปล่อแต่พองง
แล้วตรองตรึกที่จะให้เจ้าบ้านหลัง
เชิญให้ลงไปบ่อนแล้วผ่อนปรน
เหมือนที่ว่ามาแล้วแต่ข้างต้น
กลับเป็นคนปลิ้นปลอกทําซอกซอน

...ช่วยกันสวดบวชเสียด้วยลมลิ้น
ลางที่เล่าเล่นตรุษสงกรานต์ส่ง
เพลินเล่นเบี้ยเสียทรัพย์ยับระยํา
หนึ่งแปะโปแปดเก้านั้นเล่าหนอ

...ยังพวกฝิ่นกินยาทําหน้าซื่อ
ทําเดินเลาะเดาะไปแต่ผู้เดียว
ถ้าเห็นเด็กเดินมาทําปราศรัย
ทําพูดจางุบงิบขยิบแล
เอายาฝิ่นส่งให้เห็นพอหอมหอม
ไม่รู้รสดอกหรือน้องเป็นของดี
มันตั้งเพียรเวียนลอบมาหาบ่อย
ล่อให้เชื่องแล้วก็ชักให้ติดใจ
เจ้าเด็กรักลักส่งไม่วายวัน
ทั้งพ่อแม่พี่น้องเงินทองหมด
มันรักเพื่อนยิ่งกว่าพ่ออ้ายคอยา     

จนหมดสิ้นข้าวของต้องจํานํา
แล้วตั้งวงเล่นเลยไปยังค่ำ
เพราะไม่จําคําครูผู้สอนมา
ช่างขี้ฉ้อล่อลวงที่หนักหนา…

ไม่อึงอื้อเหมือนกับคนไม่รู้เที่ยว
เห็นที่เปลี่ยวแล้วก็นั่งชําเลืองแล
เห็นผู้ใหญ่แล้วนั่งไม่แยแส
มานี่แน่ช้าจะบอกที่ของดี
แล้วกล่าวกล่อมว่าจะลองก็มานี่
ลองสักทีเถิดนะพ่อมิเป็นไร
เอาของเล่นเล็กน้อยมาอ่อยให้
เที่ยวคบไว้พอได้กินเมื่อสิ้นอด
ทั้งผ้าผ่อนจอกขันมันไม่ลด
ลด ด้วยมันอดเข้าไม่ได้อายใจตน
ถึงครูบาก็ไม่เว้นทําเข็ญค่น...

...ยังพวกเหล่ากัญชาทําหน้าเซอะ
ทําตาปรือถือกันประสาพาล
เอาไฟดุ้นเข้าจ่อชักคอก่ง
ทําหน้าเงยเหมือนจะเสยเอาดวงเดือน
บ้างอัดอั้นควันไว้มิใคร่ปล่อย
เรียกมังกรล่อแก้วนั้นก็มี
ควันกัญชาเข้าคอหัวร่อแห้ง
ทําตาเล็กซึมเซาเหมือนหาวนอน
แลเห็นเชือกก็ว่างูไม่รู้จัก
เห็นมือชี้เล่าก็หนีออกไปไกล

     ยังพวกโจรใจดื้ออวดมือดี

เห็นที่เปลี่ยวเที่ยวคอยคนเดินมา
ลางที่เห็นเด็กน้อยใส่ปิ่นปัก
ลางที่ทําพูดผลอล่อเอาไป

     ยังพวกหนึ่งชี้ฉ้อทําล่อหลอก

เห็นพระสงฆ์บิณฑบาตท่านเดินมา
ว่าคุณยายจะถวายซึ่งข้าวสงฆ์
รับบาตรได้ไพล่ลัดไปทันที
เจ้าเรือนรู้ให้รีบไปตามหา
อ้ายขี้ฉ้อล่อลวงเอาตรงตรง

     คนหนึ่งเอาหมากใส่จอกมา
จะขอรดน้ํามนต์พันอัปรีย์
ได้ห้าวัดแล้วเจ้าคุณเอาบุญเถิด
จะขอยืมเอาบาตรเจ้าคุณไป
พระพาซื่อส่งบาตรให้ทันที
อ้ายเจ้าเล่ห์ล่อลวงเป็นหลายกล
ขี้ฟันเลอะอกแห้งมักอยากหวาน
ไม่ทําการเที่ยวหากินกัญชาเชือน
พอตกเพลาะแล้วก็ส่งให้พวกเพื่อน
ใครทําเหมือนแล้วก็ชมกันว่าดี
เรียกทองย้อยตั้งน้ำไปตามที่
ทําท่วงทีส่ายหน้าท่ามังกร
ทั้งเรี่ยวแรงเล่าก็หมดมือตีนอ่อน
แลเห็นขอนกว่าคนหนีซนไป
ใครร้องทักก็ให้กลัวไม่อยู่ได้
ให้ตกใจเหมือนตั้งจ่อเข้าตรงตา...

เที่ยวรอบลี้ฉกชิงวิ่งเอาผ้า
เห็นชอบท่าแล้วก็ชิงวิ่งหนีไป
ทําเดินเคียงเข้าไปชักเอาจนได้
คัดกําไลตื่นมือแล้วปล่อยมา…

มันปลิ้นปลอกลวงเอาเป็นหลายท่า

ทํามารยาเข้านิมนต์เหมือนคนดี
นิมนต์คุณเดินตรงขึ้นเรือนนี้
พระสงฆ์รี่ขึ้นเรือนแล้วนั่งลง
ว่าใครมาแต่ไหนมาลวงสงฆ์
มันจะลงนรกตกเวจี

กล่าวมายาว่าดิฉันตกเว็จขี้

ยังสองทีก็สิ้นจังไรไป
เหมือนดังโปรดให้เกิดเอาชาติใหม่
ได้ตักน้ำมาให้ทําน้ํามนต์
บัดเดียวใจมันก็หนีไม่เห็นหน
แต่ล้วนคนคอฝิ่นกินสุรา...
     อ้ายคนหนึ่งนั่งหน้าศาลาน้ำ
คิดได้การแล้วก็กล่าวเป็นมารยา
กระทะทอดกล้วยตั้งดังท่านทํา
นางแม่ค้าร้องว่าทําอย่างไร
ส่งพายมาให้เถิดข้าจะทํา
หยิบพายส่งจงใจจะใคร่ดู

    อ้ายเด็กหนึ่งเที่ยวเดินตามตะพาน  

พระไปสรงน้ําคิดจิตปรานี
มันบอกว่าพ่อข้ามาบางกอก
ฉันไม่รู้เล่ห์กลคนมารยา
พระชีต้นมีจิตคิดสงสาร

     อ้ายลูกเจ้ามารยาทําหน้าเศร้า

ชีต้นปลอบว่าเองอย่าเสียใจ
ครั้นรุ่งเช้าก็เข้าไปบิณฑบาต
ครั้นกลับมาเรียกหาเห็นผ้าหาย
เห็นเขาทําทอดกล้วยอยู่ฉ่าฉ่า
ว่าได้ยินเขาว่าน่าสงสัย
อ้ายเจ้ากรรมมันลักเอาไปได้
มันบอกไปว่าจะทําให้ท่านดู
นางเจ้ากรรมสงสัยจะใคร่รู้
มันคอนหูพาหายไปทันที...

ทําอาการร้องไห้อยู่อู้อี้

ว่าอ้ายนี่อยู่ที่ไหนร้องไห้มา
เขาชวนบอกว่าจะพามาหา
ลงเรือมากับเขาไม่เข้าใจ
มานี่หลานกูจะคิดช่วยแก้ไข...

กินข้าวเหมือนจะกลืนลงไม่ได้

กินเข้าไปให้อิ่มเถิดหลานชาย
อ้ายมารยามันก็กวาดเอาง่ายง่าย
ที่นี้ร้ายแล้วสิเราอ้ายเจ้ากล...
     อ้ายคนหนึ่งตัวที่เห็นสิกา 
ทําอย่างสุกกระสารเข้าปลอมพล
สีกาส่งเภสัชให้ประเคน
มันทําดีที่ตามเขาลงมา
ว่าท่านใช้ให้เอาพานลงไปด้วย
พอได้พานแล้วก็ลงบันไดไป

     อีกคนหนึ่งเป็นหญิงยิ่งขยัน
ทั้งน้าคําเล่าก็เพราะเสนาะพอ
ว่าดิฉันเอาของมากราบเท้าท่าน
จะได้โต๊ะที่ไหนมาใส่ดี
นางหนึ่งนั่งอยู่ที่ร้านคิดว่าจริง
กกกกกกก
จึงยืมเอากระจาดเจ้าของร้าน
อีลาวว่าส่งมาข้าจะช่วยถือ
ครั้นมาถึงท่าน้ําตะพานมอญ
อีลาววางพานลงส่งเบี้ยไพ
อีลาวซื่อซื้อหมากมิทันมา
เจ้ากรรมทํากลเที่ยวหากิน            
ถือพานหมากขึ้นมาเข้าตามกัน
เข้าปะปนอยู่กับเขาที่เข้ามา
แล้วพาเณรกลับคืนมาตีนท่า
พอลับตาแล้วก็กลับเข้าไปใหม่
เจ้าคุณช่วยโปรดถ่ายส่งมาให้
อ้างจังไรเช่นนี้ก็ดีพอ...

ช่างพูดจาแปรผันเชิงขี้ฉ้อ
นําไปรออยู่ที่ร้านบ้านผู้ดี
แต่โต๊ะพานไม่มีมาน่าบัดสี
เอ็นดูที่เถิดนะแม่ช่วยแก้ไว
ให้คนวิ่งไปเอาโต๊ะมาส่งให้
...อีมารยามันก็เห็นจะเหลือมือ
ใส่โต๊ะพานพาไปเหมือนใจซื่อ
จะช่วยหรือเอาพานนี่แม่ไป
ว่าหยุดก่อนคอยเรือประเดี๋ยวได้
ว่าเจ้าไปซื้อหมากเขามากิน
อีมารยามันก็ยกเอาไปสิ้น
มันสุดสิ้นข้อคดขี้ปดคน
     คนหนึ่งต่อเรือฟืนถามราคา
เอ็นดูด้วยช่วยแจวไปบ้านบน
ครั้นถึงที่จอดท่าเดินขึ้นไป
เอาฟืนมากราบเท้าสักสองพัน

...เจ้าคนลวงได้ที่ก็ขึ้นไป

ว่าดิฉันเป็นบ่าวของคุณมา
กกกกกกกกกกกกกกกกกกก
     ยังข้าวของอยู่ที่เรือตรงนี้ข้าม
ให้ขนฟืนไปพลางจะช้าวัน
ขอยืมโต๊ะโตกพานสักห้าใบ
ท่านผู้หญิงก็ให้คนขนลงมา
ร้องว่าให้เขาขนขึ้นไปก่อน
ข้าข้ามไปเอาของที่ในเรือ
ลงเรือน้อยข้ามตรงไปสูญหาย
ทั้งเจ้าฟื้นก็จะเอาซึ่งราคา…            
แล้วว่าข้าจะพาขึ้นไปขน
ให้มันขนแล้วจึ่งคิดราคากัน
ถามว่าท่านไปไหนเจ้าคุณฉัน
พ่อคนนั้นช่วยไปเรียนกับท่านที...

คํานับไหว้แล้วหมอบลงตรงหน้า

ก็ตั้งหน้าทํามาหากินไป...
…เอาฟืนมาให้สักสองพัน
จะเอามาก็ไม่งามในใจฉัน
ตัวดิฉันจะไปเอาข้าวของมา
จะเอาไปใส่ของพองามหน้า
มันก็ลาจากเรือนลงมาเรือ
ฟืนร่อนนี้กระไรดุ้นใหญ่เหลือ
เห็นจะเหลือโต๊ะพานที่เอามา
ตะวันบ่ายแล้วก็วุ่นกันหนักหนา
จบวววววววว

ทั้งเสียโต๊ะเสียหน้ามารยาคน
อ้ายคนหนึ่งทําทีมีศรัทธา
ว่าอิฐใหญ่ได้ขนาดชนิดนี้
ถนนข้าสร้างไว้ฟากข้างโน้น
ทําบุญด้วยกันเถิดพี่น้องเรา
มอญบอกราคาพอสมควร
ทําบุญด้วยกันบ้างเถิดเป็นไร
ต่อราคากันแล้วก็ลงเรือ
ครั้นถึงใกล้ท่าวัดที่แพราย
ขึ้นซื้อผ้าว่าท่านจะทําบุญ
แต่ว่าท่านจะใคร่ดูให้รู้เนื้อ

...เจ้าคนร้ายลงเรือเลี้ยวหลังแพ

ข้างชาวแพคอยคอยเห็นช้าไป
ถามเรื่ออิฐว่าคนนั้นเขาไปไหน

   ...ข้านึกว่าเจ้ามอญรู้จักกัน

จะทํากระไรเล่าเจ้ามอญเอย
...เจ้าคนหนึ่งทําดีเป็นทีนาย
เช้าแพแขกถือถุงเข้าพูดจา
ว่าคุณตาบ้านโน้นท่านใช้มา
ทําแลแลแก้ถุงนับเงินดู
ทําพูดจาว่าผ้านี้ที่หนักหนา
ราคาผ้าของท่านสักเท่าไร

...แต่พอลงราคาว่าจะซื้อ

ขยับตัวลงเรือด้วยเร็วพลัน
พายไปหน่อยหนึ่งพอลับก็กลับคืน
เอานี่ไว้เถิดนะแม่เอาผ้ามา
นางชาวแพส่งผ้าให้สี่ผืน
คอยแลแลกันถุงดูข้างใน

อ้ายคนหนึ่งยกย้ายอุบายกล

เข้าพูดผลอล่อลวงเป็นมารยา
เจ้าสองคนบอกว่ามาแต่เหนือ
แล้วก็พูดต่างต่างตามแยบคาย        
...มันน่าอายนี่กระไรทุกเส้นขน
อ้ายเจ้ากลเจ้ากรรมมันทําดี
นั่งต้นท่าร้องถามไปตามที่
เผาสุกดีอยู่หรือจะซื้อเอา
วัดประโดนหลังแพนั้นแน่เจ้า
เจ้าจะเอาราคาข้าเท่าไร
ทํากระบวนว่าพออัชฌาสัย
แต่พอให้พระสงฆ์เดินสบาย
เจ้ามอญเชื่อถอยเรือรับไปง่ายง่าย
กล่าวอุบายบอกมอญเข้าจอดเรือ
เจ้าประคุณนี่กระไรศรัทธาเหลือ
ขอยืมเรือไปหน่อยประเดี๋ยวใจ..

เห็นรับแลแล้วก็พายขยุ้มใหญ่

ที่ตกใจได้คิดขึ้นทันที
เขาขึ้นไปข้างบนเมื่อกี้นี่...

คิดไม่ทันจึงให้ไปเฉยเลย

มันหนีเลยไปแล้วโอ้อกเรา...
เด็กนั่งหัวนั่งท้ายพายเรือซ่า
ว่าแม่ขาผ้าดีมีมาดู
ให้ซื้อผ้าเนื้อดีสักสี่คู่
ให้พอรู้ก็รัดในบัดใจ
แต่คุณตาท่านยังหาเห็นไม่
ข้าไปบอกท่านแล้วจะกลับมา...

แล้วกลับพาถุงเงินที่ถือนั่น

ถ้าดิฉันไปแล้วจะกลับมา
เอาถุงใส่ลูกปืนมาวางว่า
จะไปให้คุณตาดูให้เต็มใจ
มันก็คืนไปหายหาเห็นไม่
ก็ตกใจว่ากูนี้เสียกล...

เห็นสองคนชาวเหนือเดินมาหน้า

ว่าท่านมาแต่ไหนทั้งสองนาย
มันก็ตามถึงเรือและของขาย
กล่าวอุบายให้สนิทเป็นมิตรกัน...
   ...พอถึงร้านตีนตะพานวัดสระเกศ
จึงว่าเพื่อนหยุดก่อนอย่าช้าพลัน
ข้าส่งเงินเขาถือติดมือมา
จึงพากันเข้านั่งทั้งสามนาย

   ...ทั้งสามนายก็ขยายขนมกิน
ว่าเวลาพอควรจวนจะเพล
จะเอาไปถวายให้ฉันทัน

...สักเฟื่องหนึ่งเกิดนะแม่อย่าให้ช้า
ยายศรัทธาพาชื่อคิดไม่ทัน
ช่วยจัดแจงแต่งใส่ให้เขาที
เจ้าตัวได้โต๊ะก็ออกมา
ถวายแล้วก็จะกลับมาบัดใจ

...เจ้าชาวเหนือเชื่อคําทั้งสองคน

กินแล้วนั่งแลแลเห็นนานไป
ยายก็ว่าเจ้านี่จะไปไหน
จะไปไหนเพื่อนกันยังไม่มา
ไม่รู้จักรู้ขึ้นะแม่เฒ่า

...ว่าที่นี้หลงให้ไปหนักหนา

แต่เกิดมาไม่เคยเห็นอ้ายอัปรีย์
อ้ายคนหนึ่งกินฝิ่นสิ้นกระบิต
ได้กระทอผ้าขาดเห็นชอบกล
พบเรือพระจอดจวนจะใกล้ไป
ถามถึงที่จะไปทั้งที่มา
เอากระทอแอบวางข้างประทุน

...เงินฉันสามสี่บาทเอาติดมา

นายเขาเรียกค่าอิฐคิดหักลด
ยืมปัจจัยสักบาทซื้อผ้าลาย
พอได้เงินมันก็ลามาทันที
ส่วนพระสงฆ์คอยคอยเห็นช้าไป
ชักกระทอมาดูไม่มีดี
อ้ายขี้ฉ้อเอากระทอมาปิดตา
อ้ายคนหนึ่งขี้ฉ้อต่อประสม
เดินตรงขึ้นกุฎีไม่มีเชือน

...ฉันขึ้นไปอยู่เหนือนานนักหนา
ให้คิดถึงเจ้าคุณนี้เต็มที่
ข้ารําลึกไม่ได้เลยนะเจ้า
ดิฉันได้น้ำผึ้งขี้ผึ้งมา
จะขอยืมเอาโต๊ะในนี้ไป
พ่อลงไปด้วยกันกับฉันที
ครั้นลงมาถึงต้นตืนสะพาน

...พ่อเณรโปรดไปเอาตะลุ่มมา
เจ้าเณรใหญ่ส่งขันให้ทันที

...มันก็โผนไปเสียด้วยเร็วพลัน
เที่ยวไถ่ถามตามเรือก็ไม่เห็น

     อ้ายคนหนึ่งคิดคดกบฎพระ
เห็นกุฎีเด็กน้อยนั่งซึมเซา
แล้วถามว่าเจ้าคุณไปข้างไหน

...ไปเถิดหนาข้าจะช่วยลูก
เจ้าเด็กน้อยไว้ใจนึกว่าจริง
อ้ายเจ้ากลก็ขึ้นกันเอาผ้าตรา
มันก็ลงจากบันไดด้วยเร็วพลัน          

ก็ก่อเหตุเกิดโกงขึ้นที่นั่น
เราชวนกันกินขนมให้สบาย
กินน้ํายาเถิดหรือซื้อง่ายง่าย
ว่าแม่ยายฉันจะซื้อขนมจีน…

อ้ายแสนลิ้นมันก็แลดูตะวัน

ออชีต้นของเจ้าเณรอยู่ที่นั่น
เห็นจะทันดอกกระมังท่านยายขา...

หยิบโต๊ะมาใส่ไปเห็นจะดี

จึงเรียกกันว่าเอาโต๊ะออกมานี่
เห็นพอดีแล้วก็ส่งให้ทันใด
ก็บอกว่ากุฎีไม่ไกลใกล้
เจ้ากินไปพลางเถิดนะเพื่อนเรา

ไม่รู้แห่งรู้หนว่าไปไหน

ก็จนใจว่าข้าจะขอลา
ข้าจะไปฟากข้างโน้นริมป่าช้า
หยุดอยู่ท่ากันก่อนอย่าเพ่อไป
ตัวข้าเจ้าชาวเหนือไม่รู้ใต้...

นี่แม่เฒ่าเงินตราเอามานี้

มันเต็มที่เล่ห์ร้ายลวงหลายกล
มันก็คิดเที่ยวหาอยู่เสือกสน
กับย่ามคนเขาตายสะพายมา
ก็นั่งไหว้ไต่ถามที่ริมท่า
แล้วบอกว่าจะเดินสารเจ้าคุณไป
ว่าเป็นบุญของดิฉันเดินสารได้...

จะซื้อผ้าไปฝากเจ้าลูกชาย

ก็พอหมดสิ้นกันทั้งซื้อจ่าย
เอาไปฝากลูกชายพอชื่นใจ
ว่าร้านที่ตรงนี้หาช้าไม่
ก็ว่านี่อย่างไรมันไม่มา
แต่ล้วนผ้าของผีที่ป่าช้า
กูคิดว่าคนที่มาเข้าเดือน
ช่างแต่งลมนี่กระไรไม่มีเหมือน
ดูเหมือนคนอย่างคุ้นที่เคยมา...

พึ่งลงมาบางกอกเมื่อคราวนี้

พอถึงนี่ติฉันก็ตรงมา
ลูกศิษย์เราสิมากเป็นหลายหน้า
แต่ทว่าโต๊ะพานนั้นไม่มี
พ่อเณรใหญ่หยิบขันนั้นมานี่
เรือออกที่สะพานไม่ใกล้ไกล
ก็บอกว่าดิฉันเพิ่งคิดได้...

ตรงขันนั้นให้เอามาไว้นี่

ก็วิ่งรี่รับไปกุฎีพลัน...

ทีหลังนั้นเณรใหญ่ก็ลงมา

เอ๊ะทําเข็ญกูแล้วไอ้ขี้ข้า...

เที่ยวเกะกะกําเงินขยับเขย่า

จึงตรงเข้าไปใกล้ก็ให้ดู
จะเอาเงินมาให้พ่ออ้ายหนู...

ข้าอยู่นี่แล้วที่ไหนใครจะมา

ก็ลุกวิ่งไปบอกเหมือนคําว่า
พระที่มาถึงบันไตใกล้กุฎี
พระถลันเข้าจะจับวิ่งหนี...
   ...ครั้งหนึ่งพระจําวัดสงัดอยู่
ทําที่ศิษย์ที่สนิทสนมพอ
ชวนเข้าห้องนอนเล่นแลเห็นผ้า
เจ้าเด็กคิดว่าศิษย์สนิทครู
มันลักผ้าคาดเอวเข้าเร็วผลัน
แล้วออกมาร้องว่าจะลาไป
ลงกุฎีรับรัดไม่รารอ
เจ้าเด็กเราเล่าไว้เป็นราคา

     เจ้าสํานวนทํากลเป็นแยบคาย
เอาง่าเถะห่อใส่ในสําลี่
เจ้าของเขาขัดเข้าเขาจะขาย
พระหลงเชื่อซื้อเก็บไว้บูชา
บ้างก็มีเขี้ยวหมูมาอุดอัด
บ้างก็เอาหินผาศิลาดาน
ลางที่เอาเขี้ยวงามาทําคด
อันโกหกแยบคายเป็นหลายทาง
ถ้าหลงลิ้นแล้วก็สิ้นเพราะคําคน            

มันก็จู่ขึ้นไปหาพูดจาอ้อ
แล้วทํารอที่จะคลานเข้าหาครู
แล้วหลับตาทํานิ่งหายใจฟู่
ก็ออกอยู่นอกชานสําราญใจ
เอาผ้าพันผูกแผลแก้สงสัย
เวลาไหนเล่าท่านจะคืนมา
อ้ายนี่คอเคยลักมาหนักหนา
อย่าคบค้าพาคนขึ้นกุฎี

กล่าวอุบายหลอกลวงไปตามที่

ว่าพระนี้เขาฝากติฉันมา
จะเอาเงินไปให้นายที่ตีนท่า
ด้วยเจตนาหลงซื้อจึงเสียการ
แล้วผูกรัดถักเกลียวเกี่ยวประสาน
มาทําเทียมสัณฐานเป็นเครื่องราง
แล้วกล่าวปดด้วยอุบายเป็นหลายอย่าง
ถ้ารู้บ้างแล้วจึงพ้นจากกลมัน
ถ้าหลงกลแล้วก็เสียเป็นแม่นมั่น
เรากล่าวกลอนสอนใจไว้ทุกวัน
อันคนเราเจ้าเล่ห์มีสุดแสน
ทั้งลวงล่อฉ้อฉลทํากลดี
ถึงนักปราชญ์ผู้ที่ฉลาดเฉลียวคิด
แต่ว่าดีที่ระวังระไวตน
ลางที่เล่าก็เสียเพราะคนซื่อ
มันกล่าวยอล่อลวงแล้วไหว้วอน
ถึงเพื่อนผูกสังขาร์คณามิตร
ต้องเสียทรัพย์ยับยุบจนสิ้นมือ
มันทอดสนิทคิดล่อแต่พอได้
จะหาชื่อสัตย์ตรงที่คงที่
อันพ่อแม่ครูบานี้สุดแสน
สู้เสียทรัพย์ยับเยินทั้งร่างกาย
อันว่าสัตว์ในแดนดินสิ้นทุกตัว
แต่ลูกรักนี่มันไม่เห็นเลย
หนึ่งคําสอนพ่อแม่ที่แท้เที่ยง
ถึงคําครูสอนทีหลังมา
มาเข้าวัดเรียนวิชาหาความรู้
เรียนวิชาความรู้แต่สิ่งเดียว
ลางที่ต่อยตีกันเพราะผิดพ้อง

...มันมักมากเหลือล้นคนเลวทราม

ยังเหล่าเจ้าหัวไม้ใจทมิฬ
ดูแต่การงานสนุกทุกตําบล
คุมพวกเพื่อนกินเหล้าแล้วเที่ยวมา
...แกล้งกระทําให้เขาลือฝีมือพาล
ที่จะลักก็จะลักสบายใจ

...บ้างครูซื่อถือว่าลูกศิษย์ตรง

มักลักเลี้ยงพวกเพื่อนเป็นอาจิณ

...ลางทีถือมีดไม้และขวานหมู

เห็นได้ทีดีฟันคนเดินทาง
ลางที่เล่าเข้าปล้นตําบลบ้าน

...จะร่ำเรื่องคนพาลสันดานคต

เอาแต่พอฟังรู้เป็นครูไว้

อันบิดามารดาอาจารย์ครู

จงอุตส่าห์ประพฤติที่ความดี
อันเบี้ยฝิ่นกัญชาสุราร้าย
คนดีดีท่านไม่ชอบอารมณ์เลย
แต่เสียทรัพย์ยับยุบเพราะบ่อนเบี้ย
เจ้ายาฝิ่นเล่าก็รักเต็มตํารา
เจ้าน้ําเมาเล่าก็มักให้เกิดความ
ทั้งสี่สิ่งยิ่งร้ายในโลกีย์                    
แต่ล้วนขันไปทุกข้อแต่พอมี
ถ้ามันแกนแล้วก็ยิ่งกว่าภูตผี
เห็นสุดทีที่จะหยั่งน้ําใจคน
ก็หยั่งจิตไม่ได้ไม่เห็นหน
จึงค่อยพ้นคนหลอกนี่ชอกซอน
ไปเชื่อถือคนคดสบถร่อน
ช่วยแก้ร้อนมันก็ร้อนเมื่อปลายมือ
ถ้าสิ้นคิดมันก็คดเอาซื่อชื่อ
เพราะพาซื่อถือกันว่ามันดี
ครั้นทุกข์ภัยใกล้เคียงก็เลี่ยงหนี
เห็นท่วงทีที่จะได้ไม่มากมาย
ถึงทุกข์โทษคับแค้นไม่หนีหาย
ลางทีตายเสียด้วยลูกไม่หลีกเลย
ถ้าลูกแล้วที่ชั่วไม่เพิกเฉย
จึกเพิกเฉยลืมคุณที่เลี้ยงมา
มันหลีกเลี่ยงเสียไม่เอาแต่สักท่า
ก็ไม่ฟังวาจาสักสิ่งเดียว
เณรใหญ่อยู่วัดวาค่ํ่าลงเที่ยว
คิดซ่อนเกี้ยวสีกาทุกท่าไป
จนก่อเหตุกึกก้องลุกลามใหญ่...

ก็เพราะความวิปริตเล่นผิดคน

เที่ยวซอกซอนนอนกินทุกแห่งหน
ทําให้คนเขาระอาด้วยกล้ามือ
ทําเร่ร่าด่าไปด้วยใจดื้อ...
ให้ขย้านกลัวเกรงเป็นไหนไหน
ที่จะไปจะได้ไปสบายตัว...

มันปลิ้นปลงลอบขนเอาจนสิ้น
ทั้งเหล่าฝิ่นกัญชาทุกหน้าไป..

เที่ยวเร่อยู่กลางถนนที่คนห่าง

เป็นโจรกลางบ้านเมืองจนเลื่องลือ
แล้วเที่ยวผ่านหนีไปไม่อึงอื้อ...

เห็นไม่หมดสิ้นลงที่ตรงไหน

จะไปก็พ้นปัญญาญาณ....

ย่อมเห็นรู้จึ่งจะสอนได้ถ้วนถี่

ที่ชั่วหนีเสียให้ไกลอย่าใกล้เลย
เป็นเหตุให้ฉิบหายนะท่านเอ๋ย
เพราะท่านเคยเห็นแล้วแต่หลังมา
จนขายลูกขายเมียเสียหนักหนา
เจ้ากัญชาเล่าก็เชื่อนไม่มีดี
เขายิ่งห้ามก็ยิ่งฮึกไม่ถอยหนี
ถ้ารักดีแล้วก็อย่ากระทําเลย.

 อ่านต่อ>>   


** หนังสือสมเด็จพระพุฒาจารย์ โต พรหมรังสี ชุดนี้ เขียนโดย อ. พลาดิศัย สิทธิธัญกิจ นักวิชาการด้านประวัติศาสตร์และโบราณคดี เว็ปไซต์นี้จัดทำเพื่อการศึกษา ไม่อนุญาตให้นำไปใช้ในเชิงพาณิชย์
                                                      

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้